ต้องบอกว่าสมใจคอบอลที่รอคอยมาอย่างยาวนานจริงๆสำหรับฟุตบอลพรีเมียร์ลีคที่กลับมาคราวนี้ต้องบอกว่ามีอะไรให้พูดถึงเยอะเลย ต้องยอมรับว่าแม้จะกลับมาทีหลังเพื่อนแต่เหมือนพรีเมียร์ลีคจะมีการเรียนรู้ว่าพวกเค้าจะทำอย่างไรให้ฟุตบอลของพวกเค้าสนุกและแฟนบอล สปอนเซอร์ มีส่วนร่วมกับทีมมากที่สุดมาดูกันว่า เกมแรกที่ผ่านไปมีอะไรน่าสนใจกันบ้าง ร่วมการต่อต้านการเหยียดผิว เรื่องแรกเป็นสิ่งที่นักเตะหลายคนออกมาทำก่อนหน้านี้ แล้วทางพรีเมียร์ลีคก็รับลูกสนับสนุนต่อด้วยการเปิดไฟเขียวให้แต่ละสโมสรสามารถแสดงออกการต่อต้านการเหยียดผิวที่เกิดขึ้นในตอนนี้ โดยทางพรีเมียร์ลีคอนุญาตให้แต่ละทีมสามารถเปลี่ยนชื่อนักเตะบนเสื้อด้านหลังให้กลายเป็นคำว่า black lives matter แทน อีกทั้งแต่ละทีมยังมีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ด้วยการนั่งคุกเข่าก่อนเริ่มเกมอีกด้วย ไม่เห็นเก้าอี้ว่าง ต่อมาในเกมเราจะเห็นว่าช่วงแรกเก้าอี้ยังว่างอยู่ แต่ไม่ใช่กับพรีเมียร์ลีคที่อนุญาติให้แต่ละทีมสามารถติดผ้าใบผืนใหญ่เพื่อเป็นช่องทางให้พวกเค้าได้โปรโมตสปอนเซอร์ของทีมได้เช่นเดิม จริงอยู่ว่าวิธีนี้อาจจะไม่ได้ช่วยเท่ากับให้แฟนบอลมานั่งชม แต่ก็ถือว่าเป็นทางออกให้สโมสรพอได้เก็บค่าสปอนเซอร์มาอุดหนุนทีมได้ แฟนบอลไลฟ์สด คู่ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ อาร์เซนอล ต้องยอมรับว่ามีนวัตกรรมใหม่เกิดขึ้น มันอย่างเจ๋งเลย นั่นก็คือในสนามเอติฮัด สเตเดี้ยม เราจะเห็นเจ้าบ้านแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ติดตั้งจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ บนหน้าจอจะเป็นหน้าต่างเล็กๆของแฟนบอล ที่พวกเค้ากำลังดูเกมสดๆอยู่ผ่านช่องทางของพวกเค้าเอง มันเป็นอะไรที่เจ๋งมาก ลองนึกภาพว่าเรากำลังดูสดอยู่ผ่านสตรีมแล้วทางสโมสรเอาหน้าเราไปขึ้นหน้าจอบนนั้น มันก็สร้างกำลังใจให้กับนักเตะเจ้าบ้านได้เหมือนกัน แม้จะไม่เท่าตัวจริงแต่ได้เห็นหน้ากันก็ยังดี อันน่าจะเป็นนวัตกรรมใหม่ที่น่าจะแพร่หลายให้กับหลายทีมในพรีเมียร์ลีคในเกมถัดไป
Category: ข่าวฟุตบอล
นอกการฟอร์มการเล่นปีนี้ที่ทำให้หงส์แดง ลิเวอร์พูลขึ้นนำเป็นจ่าฝูงในพรีเมียร์ลีกด้วยคะแนนนำจากอันดับสองถึง 22 แต้ม และเหลืออีกเพียง 6 แต้ม หงส์แดงก็จะได้รับถ้วยพรีเมียร์ลีกหลังจากรอคอยมาถึง 30 ปี แต่นอกจากการเตะที่ไร้พ่ายมาตั้งแต่ปีก่อน ยังมีอีก 8 รายการที่ลิเวอร์พูลอาจจะทำลายสถิติได้อีกด้วย! ชนะติดต่อกัน แชมป์เก่าอย่างเรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เคยชนะต่อเนื่องกันถึง 18 ครั้ง อาจจะถูกโค่นได้ โดยรอบแรกหงส์แดงเกือบล้มแชมป์ไปได้เมื่อชนะต่อเนื่องกันถึง 17 ครั้งเมื่อครึ่งฤดูกาลแรก ก่อนจะพลาดเสมอในศึกที่โอลด์แทรฟฟอร์ด แต่ก็กลับมาสะสมชัยชนะต่อเนื่องถึง 11 ครั้ง และอีกเพียง 8 ครั้งเท่านั้น ก็จะล้มแชมป์ได้ ไร้พ่าย ตำนานไร้พ่ายอย่างปืนใหญ่ อาร์เซนอล ที่เคยฝากผลงานไว้ถึง 49 เกมอาจจะต้องหวั่น ๆ เพราะหากลิเวอร์พูลยังฟอร์มดีแบบนี้ พวกเขาอาจจะได้เป็นทีมแรกที่ไร้พ่ายถึง 50 เกมในศึกพรีเมียร์ลีกก็ได้ ชนะเยอะ อีกครั้งกับแชมป์เก่าเรือใบสีฟ้าที่เคยชนะสูงสุดถึง 32 เกมในหนึ่งฤดูกาล โดยตอนนี้ลิเวอร์พูลทำไปได้ถึง 24 เกม คะแนนเยอะสุด แมนฯ ซิตี้ทำทิ้งไว้ที่ 100 … Read More “ใครเขาเล่นให้แค่ชนะ อีก 8 รายการที่ลิเวอร์พูลอาจจะทำลายสถิติ!?” »
เกม UCL สั่งลารอบแบ่งกลุ่มที่ผ่านมา เชื่อว่าหนึ่งในเกมที่แฟนบอลติดตามชมกันแบตาไม่กระพริบเลย อินเตอร์ มิลาน เปิดบ้านต้อนรับชาวต่างดาวที่เดินทางมาเยือน เกมนี้ความน่าสนใจอยู่ที่ บาร์เซโลนาที่เข้ารอบไปแล้ว เลือกที่จะใช้ดาวรุ่งลงสนามในเกมใหญ่นี้ด้วยไม่เท่านั้น แถมยังทำประตูได้อีกต่างหาก ประตูของ ดาวรุ่ง เกมดังกล่าว จุดเปลี่ยนสำคัญมาอยู่ในช่วงท้ายเกมหลังจากที่ทั้งคู่เสมอกันที่ 1-1 งูใหญ่ที่โมเมนตั้มดีกว่าและต้องการทำประตูนำให้ได้เพื่อการันตีเข้ารอบ กลับต้องหงายเก๋งแบบไม่คาดคิดเมื่อ บาร์เซโลน่า ส่งผู้เล่นดาวรุ่งอย่าง ฟาติ ลงมาความสด ความกล้าเล่นของเด็กคนนี้วูบวาบเอามากๆจนทำให้เจ้าตัวเข้าไปชิ่งกับซัวเรซยิงจากหน้ากรอบเขตโทษเข้าประตูไปกลายเป็นประตูขึ้นนำ ดาวรุ่งจาก ลามาเซีย สำหรับ ฟาติ นั้นเป็นนักเตะดาวรุ่งที่ถูกดันขึ้นมาจากอะคาเดมี่ของสโมสรบาร์เซโลน่าที่ชื่อว่า ลามาเซีย ต้องบอกเลยว่านี่คือโรงเรียนลูกหนังดีสุดในโลก พวกเค้าส่งนักเตะขึ้นมาคนแล้วคนเล่า แต่ละคนต่างก็เป็นนักเตะที่มีคุณภาพด้วยกันทั้งนั้น ปรัชญาการเล่นแบบบาร์เซโลนาถูกสั่งสอนมาตั้งแต่เด็กทีเดียว เอาง่ายๆว่า เมสซี่ เองก็ถูกสั่งสอนลูกหนังมาจาก ลา มาเซียด้วยเช่นกัน การให้โอกาส ไม่เพียงแต่เก่งเท่านั้น แต่นักเตะจากลามาเซีย ยังได้รับโอกาสอีกด้วย นักเตะหลายคนหากเก่งจริง มีแวว จะถูกดันขึ้นไปเล่นชุดใหญ่ตลอดหากโอกาสอำนวย นั่นทำให้นักเตะหลายคนได้สัมผัสกับเกมใหญ่ระดับทวีปตั้งแต่อายุยังน้อย การส่งลงสนามด้วยความเชื่อใจทำให้นักเตะดาวรุ่งเหล่านี้ เล่นด้วยความมั่นใจและเชื่อใจตัวเองมากขึ้น จนทำผลงานได้ดีเช่น ฟาติ คนนี้เป็นต้น ใครที่ยังไม่รู้จักเด็กคนนี้ บอกเลยว่าให้ลองไปติดตามโดยด่วน เค้าว่ากันว่าฝีเท้าไม่แพ้เมสซี่ในช่วงเวลา อายุใกล้เคียงกันเลยทีเดียว … Read More “ดาวรุ่ง ลามาเซีย ดาวรุ่งที่ดีสุดในโลก” »
หลังจากที่อาร์เซนอลแยกทางกับกุนซือของทีมอย่าง อูไน เอเมอรี่ แล้วก็ตั้งกุนซือขัดตาทัพอย่าง เฟดเดอริก ยุงเบิร์กไปก่อนจนจบฤดูกาล ทำให้ตอนนี้มีรายชื่อที่คาดการณ์กันว่าจะมาทำหน้าที่เป็นกุนซืออาร์เซนอลคนต่อไปมากขึ้น ชื่อที่สื่อปล่อยออกมาก็มีหลายคน เรามาเจาะกันไปรายคนว่าคนไหนมีโอกาสมากที่สุด มัสซิมิเลียโน อัลเลกรี สำหรับคนแรกเราเชื่อว่า เค้ามีโอกาสมากที่สุดเนื่องจากผลงานของเจ้าตัวที่ทำงานให้กับยูเวนตุสนั่นถือว่า ผลงานมาสเตอร์ทีเดียว เอาแค่ความสำเร็จในลีคตัวเองและเกมบอลถ้วยก็มีเยอะแยะมากมายจนนับนิ้วไม่ไหว แต่คำถามก็คือเจ้าตัวจะมาหรือไม่ กับเจ้าตัวพร้อมแค่ไหนที่จะมาลองชิมลางในพรีเมียร์ลีคอังกฤษ(เนื่องจากเจ้าตัวยังไม่ถนัดภาษาอังกฤษเท่าไร อาจจะทำให้มีปัญหาในการสื่อสารกับลูกทีม) หากเจ้าตัวตอบรับล่ะก็บอกเลยว่างานนี้สนุกแน่นอน นูโน เอสปิริโต ซานโต คนนี้ชื่ออาจจะไม่คุ้นหูคนติดตามฟุตบอลสักเท่าไร แต่บอกเลยว่ากุนซือคนนี้มีของและสัญญาณแรงเอามากๆ บอร์ดบริหารอาจจะต้องการกุนซือที่คุ้นเคยกับฟุตบอลพรีเมียร์ลีคมาแล้วระยะหนึ่งจะได้ปรับตัวได้เร็วขึ้น นูโน ก็เป็นหนึ่งในนั้น บวกกับผลงานของเค้าตอนนี้กับ วูลฟ์แฮมป์ตัน ที่ต้องบอกเลยว่าเด็ดมาก โดยเฉพาะการทำบอลบุก บุกได้มันมือ มันเท้าสุดๆเลย ติดอยู่หน่อยตรงที่โปรไฟล์อาจจะไม่โดนใจเท่าไร อาจจะมีผลต่อการควบคุมนักเตะพอสมควร มิเกล อาร์เตตา คนที่สามถือว่าเป็นการเอา โมเดล นักเตะเก่ามาใช้งาน นั่นก็คือ มิเกล อาร์เตตา คนนี้ถือว่าเป็นตำนานอีกหนึ่งบทของอาร์เซนอล ตอนนี้เจ้าตัวกำลังฝึกวิชาคุมทีมกับ เป๊บ กวาดิโอลาร์ ที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บอกเลยว่าคนนี้มีของดีเหมือนกัน ถ้าได้มาจริงอาจจะมีอะไรเซอร์ไพร์สได้ แต่โอกาสอาจจะยากหน่อยแม้ชื่อนี้ แฟนบอลจะรู้สึกดี แต่บอร์ดบริหารอาจจะไม่เห็นด้วยมันดูเสี่ยงเกินไป
ทุกทีมใน พรีเมียร์ลีก ลงสนามครบ 12 เกม ประมาณคร่าวๆ ฤดูกาลนี้ก็ผ่านพ้นไปแล้ว 1 ส่วนจาก 3 ส่วน ยังมีเส้นทางให้ลุยกันอีกมาก มองไปที่ตารางคะแนน ทีมใหญ่ๆ ยังคงทิ้งแต้มไม่ห่างกันมาก ที่น่าลุ้นที่สุดคือ ลิเวอร์พูล ที่กำลังเบียดจ่าฝูงเรือใบสีฟ้าอย่างสนุก ส่วน เชลซี ก็เกาะอันดับสามไว้เหนียวแน่น ขณะที่ อาร์เซนอล ดูจะดร็อปลงไปอีกครั้งจากที่เคยชนะติดกันมาเจ็ดเกม ทั้งสามทีมมีสไตล์การเล่นเน้นเกมรุกคล้ายๆ กันแต่อะไรที่ทำให้ทั้งสามทีมแตกต่างกัน ลองวิเคราะห์กันดู เชลซี จุดแข็ง คือ ฟอร์มเทพของ เอเด็น อาซาร์ สไตล์การเล่นที่แผ่ขยายพื้นที่ต่อการเปิดเกมบุกของ “เมาริซิโอ ซาร์รี” ทำให้ “เอเด็น อาซาร์” เหมือนได้แจ้งเกิดใหม่ ทั้งนี้น่าจะเป็นครั้งแรกที่เขาได้รับโอกาสในการเล่นเป็นแนวรุกอิสระและเนื่องจากผู้เล่นในแผงมิดฟิลด์ ที่ช่วยกันเติมเกมขึ้นมาหลายคน จึงเป็นโอกาสให้ อาซาร์ มีพื้นที่มากขึ้นบริเวณกราบซ้าย เขาอยู่ในฟอร์มการเล่นที่สุดยอด จากสถิติเขาทำหนึ่งประตูเฉลี่ยทุก 71 นาที ยอดเยี่ยมกว่านักเตะทุกคนใน พรีเมียร์ลีก จุดด้อย คือ ถูกจับทางได้ อาซาร์ … Read More “วิเคราะห์จุดแข็ง-จุดด้อยสามยักษ์ทีมฟุตบอลดัง เชลซี-ลิเวอร์พูล -อาร์เซนอล” »
อาร์เซน่อลในซีซั่นนี้มาแรงเหนือความคาดหมายเป็นอย่างมาก หลังจากที่ “อาร์แซน เวนเกอร์” ได้อำลาเก้าอี้กุนซือไป “อูไน เอเมรี่” ก็เข้ามารับตำแหน่งต่อจาก อาร์แซน เวนเกอร์ อาร์เซน่อล ซึ่งมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมาย นอกจากการจัดตัวผู้เล่น รวมไปถึงระบบการเล่นแล้วยังมีเรื่องเล็ก ๆ น้อยที่กุนซือชาวสเปนเข้มงวดมากกว่าเดิม จนส่งผลดีต่อฟอร์มการเล่นในสนาม จนทำให้เหล่าบรรดานักเตะทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง คงจะต้องยกความดีนี้ให้กับยุคของ อูไน เอเมรี่ ที่คำนึงถึงโภชนาการและเทคนิคการเล่นที่ดูจริงจังมากขึ้น มีสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปจากยุคของ อาร์แซน เวนเกอร์ ที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ การขึ้นไปกดดันเพลสซิ่งสูงในแดนคู่แข่งเพื่อเอาบอลกลับมาครองให้เร็วที่สุด ในยุคของกุนซือฝรั่งเศสพวกเขาแทบไม่ได้ไล่กดดันคู่แข่งให้เห็น สักเท่าไหร่ ซึ่งจะเห็นอยู่บ่อยครั้งที่ อเล็กซิส ซานเชซ แสดงอาการผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด หลังเจ้าตัวมักจะเป็นคนที่วิ่งไล่บอลในแดนหน้าอยู่คนเดียว ในทางกลับกัน อาร์เซน่อล ของ เอเมรี่ ไม่ใช่แบบนั้น พวกเขาวิ่งกดดันคู่แข่งพร้อมปิดช่องทางการผ่านบอล สิ่งเหล่านี้คืออีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ปืนใหญ่แข็งแกร่งขึ้น และโชว์ฟอร์มร้อนแรง ณ ขณะนี้ ซีซั่นนี้ เอเมรี่ ชื่นชอบการใช้ระบบ 4-2-3-1 ซึ่งความกังวลมากที่สุดคือ การที่กุนซือชาวสเปนพยายามจับ อาร์รอน แรมซีย์ และ เมซุส โอซิล … Read More “อาร์เซน่อลฟอร์มแรงในยุคของกุนซือ “อูไน เอเมรี่”” »
ถือว่าเป็นดีลที่เริ่มเล่นสงครามจิตวิทยากันแล้ว ระหว่างบอร์ดบริหารของบาร์เซโลน่าแห่งสเปน กับ บอร์ดของลิเวอร์พูลในอังกฤษที่ฝ่ายแรกเริ่มมีการปล่อยข่าวออกมาแล้วว่าต้องการตัวนักเตะคนสำคัญอย่าง เฟลิปเป้ คูตินโญ่ เพลย์เมกเกอร์ที่ตอนนี้ต้องบอกเลยว่า ฟอร์มฮอตกระฉูดแตกมาก ท่ามกลางความกังวลของชาวเดอะค็อป วันนี้เรามาหาทางออกว่าทำยังไงจะเป็นการรั้งคูตี้ ให้อยู่กับทีมต่อไปให้นานที่สุด หนึ่ง ค่าเหนื่อยในระดับที่รับได้ อย่างแรกที่ถือว่าเป็นตัวล่อชั้นดีในการดึงสตาร์แกนหลักของทีมอื่นไปร่วมทีมได้เลยก็คือ เรื่องของค่าเหนื่อยระดับโคตรแพงที่เค้าสามารถประเคนให้ได้ เนื่องจากอาชีพนักฟุตบอลมันสั้น การหาเงินให้ได้มากที่สุดคงไม่ใช่เรื่องแปลก เมื่อทีมที่ให้เงินมากกว่า นักเตะก็พร้อมที่จะไปแน่นอน แต่หากลิเวอร์พูลจะขึ้นค่าเหนื่อยอย่างเดียวก็คงไม่ใช่คำตอบสุดท้ายที่จะรั้งไว้ได้ สอง เพื่อนร่วมทีม กุนซือ และแผนการเล่น ปัจจัยที่สองในการรั้งคูตี้ไว้ได้ก็คือ เรื่องของสภาพแวดล้อมในทีม ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมทีม มีความสามารถเป็นอย่างไร(อันนี้ถ้านับเฉพาะตัวจริง มองว่าก็เล่นเข้ากับคูตี้อยู่นะ แต่ตัวสำรองยังไม่ถึงขั้น) กุนซือที่ชื่อว่า เจอร์เกน คล็อปป์ ก็น่าจะดึงดูดและรั้งคูตี้ไว้ได้ เพราะเค้าก็ช่วยเสริมและต่อยอดได้ดี และแผนการเล่นที่ให้คูตี้เล่นเป็นจุดศูนย์กลางของทีม ก็น่าจะทำให้เค้าพอใจได้ในระดับหนึ่งแล้ว ไปบาร์ซา ก็ต้องไปรองจาก MSN อยู่ดี สรุปว่าปัจจัยนี้ถ้ามีนักเตะระดับโลกเข้ามาเพิ่ม เชื่อว่าคูตี้ไม่ไป สาม ผลงานเป็นที่ประจักษ์ ปัจจัยสุดท้ายคือเรื่องของความสำเร็จในการเป็นนักเตะ ไม่ว่าจะเป็นโทรฟี่ในประเทศ หรือ ระดับทวีปต้องมี หากนักเตะเล่นแล้วไม่ได้รางวัล ก็อาจจะต้องไปเล่นกับทีมอื่นที่มีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า ตรงนี้บอกเลยว่า บาร์ซาให้ได้ มากกว่า ก็ต้องมาดูกันตอนจบฤดูกาลว่า … Read More “3 ปัจจัย รั้งสตาร์ประจำทีมไว้ไม่ให้หนี” »